ทนายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความ โพสต์เฟสบุ๊ก โยงปมผู้ต้องหายาเสพติดถูกรีดเงิน ตั้งคำถามจริงหรือไม่ ฝั่ง ผู้กำกับ ก็ถูกรีดเงิน จากกรณี คดีของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ ที่เป็นกระแสอยู่ในขณะนี้ ล่าสุดวันนี้ (25 ส.ค.) ทนายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความ โพสต์ภาพข้อความเป็นนัยผ่านเฟซบุ๊กทนายเกิดผล แก้วเกิด โดยระบุข้อความว่า
“ผู้ต้องหาถูกรีดสองล้าน ผกก.ถูกทนายรีดยี่สิบล้านแลกคลิปจริงหรือไม่ !?”
หลังจากโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป มีผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กจำนวนมากต่างเข้ามาตั้งข้อสงสัยละตั้งคำถามถึงกรณีดังกล่าว ก่อนหน้านี้ ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้มซึ่งเป็นผู้ออกมาเผยแพร่คลิปทรมานผู้ต้องหา ก็ได้ออกมากล่าวว่า ได้มีทนายบางคนได้นำคลิปฉาวไปขู่รีดเงินด้วยเช่นกัน
ขณะที่ความคืบหน้าล่าสุดของคดีถุงดำคลุมหัวผู้ต้องหายาเสพติดจนเสียชีวิต ล่าสุด ศาลได้อนุมัติหมายจับ ผู้กำกับโจ้ กับพวกรวม 7 คน ในข้อหาร่วมกันฆ่าโดยเจตนา
ผบ.ตร. เผยเจ้าหน้าที่เร่ง ตามล่า ผู้กำกับโจ้ และประสานประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมขอให้สำนึกสิ่งที่ทำลงไปและเข้ากระบวนการดีกว่า
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ได้จัดชุดสืบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าตรวจค้นบ้านของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ หลังศาลอนุมัติหมายจับในข้อหา เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด, ร่วมกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด, ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย พร้อมพวกอีกหกคน
โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นบ้านพักย่านรามอินทราและทุกที่ที่คาดว่าผู้ต้องหาจะไปหลบซ่อนตัวอยู่ รวมถึงประสานข้อมูลกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างใกล้ชิด เพื่อติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี แต่เบื้องต้นทราบว่าเขาหายตัวไป 3 วันก่อน
หลังจากที่ พล.ต.ท.อภิชาติ ศิริสิทธิ์ ผบช.ภ.6 จะมีคำสั่งการให้ไปช่วยราชการ ทั้งนี้ ในส่วนตำรวจอีก 6 คน ที่มีหมายจับ คงต้องออกจากราชการโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว ส่วนคนที่เหลือทางจเรตำรวจแห่งชาติ กำลังพิจารณาอยู่ ผบ.ตร. กล่าวทิ้งท้ายว่า ฝากถึง ผกก.โจ้ ด้วยว่า “ขอให้เห็นถึงองค์กร ให้สำนึกในสิ่งที่ทำลงไป และขอให้กลับมาเข้ากระบวนการดีกว่า”
ตามนัด! ศรีสุวรรณ จ่อร้อง ป.ป.ท.สอบแพทย์ออกใบรับรองการตายคดี ผู้กำกับโจ้
ศรีสุวรรณ จ่อร้อง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริต หรือ ป.ป.ท. ให้สอบแพทย์ที่ออกใบรับรองการตายในคดีของ ผู้กำกับโจ้ ที่ระบุว่าผู้ต้องหาเสียชีวิตจากการเสพยาเกินขนาด นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก เปิดเผยว่า จากกรณีที่ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ โพสต์คลิปเหตุการณ์ขณะผู้กำกับโจ้ใช้ถุงคลุมศีรษะรีดเงิน 2 ล้าน ฆ่าพ่อค้ายาเสพติดจนกลายเป็นที่พูดถึงอย่างมากในขณะนี้นั้น
ล่าสุด ในสื่อออนไลน์ต่างๆยังมีการเปิดเผยเอกสารอีกหนึ่งฉบับ คือหนังสือรับรองการตายของผู้ต้องหา ที่ออกโดยแพทย์จากโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ พร้อมระบุสาเหตุการเสียชีวิตโดย สันนิษฐานว่า ผู้ต้องหาได้เสียชีวิตเพราะพิษจากสารแอมเฟตามีน ซึ่งหลังจากมีเอกสารนี้เปิดเผยออกมา จึงเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นอย่างมาก ว่าการกระทำในคลิปกับการระบุสาเหตุการตายในเอกสาร มันขัดแย้งกันหรือไม่
ทั้งนี้ การเขียนสาเหตุของการตายว่า “สันนิษฐานว่า พิษจากสารแอมเฟตามีน” ซึ่งระบุเหตุแห่งที่ตายคือการ Overdose ซึ่งตรงกันข้ามกับข้อเท็จจริงที่เป็นข้อมูลข่าวสารที่ปรากฏในคลิปวิดีโอโดยชัดแจ้ง การเขียนในลักษณะนี้ชี้ให้เห็นว่า เป็นการจดข้อความอันเป็นเท็จในเอกสารราชการหรือไม่ ซึ่งหาพิสูจน์แล้วว่าเป็นการร่วมมือกันกับตำรวจในกรณีดังกล่าวจริง แพทยสภาจะต้องดำเนินการถอนถอนใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์ในลำดับถัดไปด้วย เพราะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและขัดต่อจรรยาบรรณแพทย์อย่างร้ายแรง
อย่างไรก็ตามแม้เป็นแค่หนังสือรับรองการตายหรือใบ ท.ร. ให้ญาตินำไปขอใบมรณะบัตรที่อำเภอ จะได้นำศพไปทำพิธีได้ ซึ่งหนังสือรับรองการตายมีความมุ่งหมายเพื่อเก็บสถิติการตาย ไม่เกี่ยวกับใบชันสูตรพลิกศพที่หมอจะออกมาให้ตำรวจเพื่อใช้ทำคดี แต่ถึงอย่างไรก็ตามเมื่อศพมาถึง รพ. การแอดมิทตรวจร่างกายทั่วไปว่าพบร่องรอยชัดเจนใดๆ ที่เป็นสาเหตุการตายหรือไม่ หรือทำแค่ฟังตำรวจให้ว่าเสพยาบ้ามาและช๊อคหมดสติไปเท่านั้น เพราะถ้าเป็นการตายผิดธรรมชาติตามระเบียบต้องมีการผ่าชันสูตรศพเท่านั้น ตาม ป.วิ.อ. มาตรา148 วรรคหนึ่งกำหนด แล้วจึงออกใบชันสูตรศพให้อีกครั้ง ว่าตายจากสาเหตุอะไรกันแน่ ซึ่งจะนำไปสู่การไต่สวนโดยศาล ตามมาตรา 150 ว.3 และ ว.5 ต่อไป แต่ประเด็นสำคัญคือ ศพได้ผ่าจริงๆหรือไม่ เท่านั้น
กรณีดังกล่าวเป็นข้อพิรุธ ที่อาจเชื่อได้ว่าแพทย์จากโรงพยาบาลดังกล่าว อาจร่วมมือกับตำรวจในการจัดทำเอกสารใบรับรองการตายอันเป็นเท็จ เพื่อทำให้รูปคดีเปลี่ยนไปจากข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นอันตรายต่อกระบวนการยุติธรรมเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุดังกล่าวสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจะนำความพร้อมพยานหลักฐานไปร้องเรียนต่อ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เพื่อสอบสวนเอาผิดนายแพทย์คนดังกล่าว เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป โดยจะเดินทางไปยื่นคำร้องในวันพฤหัสที่ 26 ส.ค.64 เวลา 10.00 น. ณ สำนักงาน ป.ป.ท.อาคารซอฟต์แวร์พาร์ค ถ.แจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป